ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ที่ประสบความสำเร็จไม่ต้องมีใบปริญญาหรือประกาศนียบัตรใดๆ ก็เป็นได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการทำงานจะง่ายขึ้น การจะเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์นั้นอาศัยทั้งทักษะการวาดรูป การเย็บผ้า และการออกแบบ ความรู้ในอุตสาหกรรมแฟชั่น และความอดทนชนิดไม่มีใครเทียบได้ และคุณยังต้องมีแฟ้มสะสมผลงานที่แสดงความสามารถอย่างชัดเจนและหาความรู้เพิ่มเติมด้านธุรกิจและการเงินทั่วไปด้วย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 5:

ลับคมทักษะการออกแบบแฟชั่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แฟชั่นดีไซเนอร์ที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีทักษะที่กว้างขวาง ได้แก่ การวาดรูป การดูสีและเนื้อผ้า ความสามารถในการมองภาพแนวคิดแบบ 3 มิติ และทักษะทางเครื่องจักรที่เกี่ยวข้องกับการเย็บและการตัดผ้าทุกชนิด
    • หาที่หัดเรียนเย็บผ้าดีๆ ถ้าคุณยังไม่ได้เรียนรู้ทักษะด้านนี้อย่างดีพอ การที่คุณสามารถเย็บผ้ายากๆ ได้ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายจะมีประโยชน์กับคุณตราบใดที่คุณยังอยู่ในอาชีพนี้ แต่คุณต้องพยายามหน่อยเพราะมันเป็นทักษะที่หลายคนหัดไม่ได้ง่ายๆ
    • ทำความเข้าใจว่าผ้าเคลื่อนไหว จับจีบ ระบายอากาศ เป็นอย่างไรเมื่อใส่ และอื่นๆ ความรู้เรื่องผ้าที่ลึกซึ้งเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในการเลือกใช้ผ้าให้เหมาะสมเวลาออกแบบ และคุณต้องรู้ด้วยว่าตัวเองจะหาวัสดุได้จากไหน
    • เรียนรู้จากดีไซเนอร์มืออาชีพ ไม่ใช่แค่ศึกษาว่าเขาเป็นใคร แต่ให้ดูภูมิหลัง สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เขาเรียนอะไร เรียนที่ไหน เพราะการรู้สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณกลายเป็นดีไซเนอร์ที่เก่งกว่าเดิม เพราะคุณสามารถหยิบยืมและต่อยอดจากไอเดียของพวกเขาได้
    • เรียนรู้วิธีการทำสตอรี่บอร์ดและชุดสินค้า ฝึกศึกษาเทรนด์ต่างๆ จนเชี่ยวชาญและหาแรงบันดาลใจจากโซเชียลมีเดีย เรียนรู้เรื่องการเปรียบเทียบสินค้าจากเจ้าต่างๆ และงานจัดแสดงสินค้าในวงการให้ดี
    • เริ่มฝึกฝนทักษะเหล่านี้ตั้งแต่อายุยังน้อย เตรียมตัวทุ่มเทเวลาให้กับการปรับปรุงผลงานให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด การฝึกทีละเล็กละน้อยทุกวันจะทำให้คุณมีความเข้าใจในเรื่องของแฟชั่นอย่างลึกซึ้งในระยะยาวถ้าคุณวางแผนจะทำอาชีพนี้ เพราะการพยายามทำทุกอย่างรวดเดียวอาจทำให้คุณถอดใจได้
  2. ถ้าเป็นไปได้ การเรียนอนุปริญญาหรือเรียนต่อระดับอุดมศึกษาในสาขาแฟชั่นดีไซน์หรือโปรแกรมที่เกี่ยวข้องก็เป็นเรื่องที่ควรทำ เพราะคุณจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย ได้คอนเน็กชั่นที่ดีตั้งแต่เนิ่นๆ และมีโอกาสใหญ่ที่จะได้แสดงฝีมือในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์หนักเท่าไหร่ (แต่ก็ต้องเตรียมใจรับคำวิจารณ์ด้วยนะ!) คุณควรทำอย่างใดอย่างหนึ่ง (หรือทั่งสองอย่าง) ต่อไปนี้
    • ประเทศไทยมีโรงเรียนด้านแฟชั่นดีไซน์มากมายทั้งแบบเป็นคอร์สและแบบปริญญา Bunka Fashion Academy และ CIDI เป็นโรงเรียนสอนด้านแฟชั่นชั้นนำของไทย ที่คุณจะได้เรียนทั้งการวาดรูป สีและองค์ประกอบ การทำแพตเทิร์น และการจับจีบ[1] นอกจากคุณจะได้เรียนทักษะที่จะได้นำไปใช้จริงเหล่านี้แล้ว คุณยังได้ทำงานกับมืออาชีพในวงการที่อาจกลายเป็นคอนเน็กชั่นที่สำคัญในอนาคตและเป็นคนที่ให้คำแนะนำและคำติชมต่อผลงานของคุณจากประสบการณ์ตรงด้วย
    • สมัครฝึกงาน ถ้าโรงเรียนไม่ใช่ทางเลือกสำหรับคุณ หรือถ้าคุณคิดว่าประสบการณ์จากโลกการทำงานจริงมันให้ประโยชน์กับคุณมากกว่า ก็ให้หาที่ฝึกงาน คุณจะต้องมีแฟ้มสะสมผลงานที่น่าประทับใจและพร้อมที่จะเริ่มจากงานระดับล่าง เพราะเด็กฝึกงานส่วนใหญ่จะได้ทำงานจิ๊บจ้อยอย่างการชงกาแฟ แต่คอนเน็กชั่นที่คุณจะได้จากการฝึกงานก็สำคัญต่อโอกาสการทำงานในวงการแฟชั่น และการทำงานกับมืออาชีพในวงการก็จะทำให้คุณได้ทักษะที่สำคัญติดมาโดยตรง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 5:

ค้นหาว่าแฟชั่นสไตล์ไหนที่ใช่คุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตัดสินใจว่าการออกแบบสาขาไหนเป็นความสนใจหลักของคุณ. คุณอาจจะต้องเริ่มตั้งแต่ศูนย์ แต่คุณก็ควรมีเป้าหมายในใจว่าประเภทของการออกแบบแบบไหนที่คุณอยากจะทำไปตลอดชีวิต คุณสนใจสาขาแฟชั่นสาขาไหนมากที่สุด แฟชั่นชั้นสูง เสื้อผ้าสำเร็จรูป เสื้อผ้าออกกำลังกาย/พักผ่อน ตลาดทั่วไปหรือตลาดเฉพาะอย่างเสื้อผ้าที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ละสาขาก็มีทั้งข้อดีข้อเสียที่คุณต้องสำรวจก่อนที่คุณจะตัดสินใจได้เด็ดขาดว่าคุณอยากจะไปทางสาขาไหน และในสาขาใหญ่ๆ เองก็มีสาขาแฟชั่นดีไซน์สาขาย่อยๆ ที่คุณต้องตัดสินใจว่าคุณจะไปแนวไหน คุณอาจจะลองสัก 2-3 สาขา แต่ก่อนอื่นคุณต้องไม่ทำหลายอย่างพร้อมกัน เพราะคุณควรจะรังสรรค์ผลงานที่สมบูรณ์แบบใดสาขาใดสาขาหนึ่งก่อนแล้วค่อยเริ่มทดลองทำสิ่งอื่นเมื่อคุณมีจุดยืนที่ดีในวงการแล้ว เช่น
    • เสื้อผ้ากลางวันสำหรับผู้หญิง เสื้อผ้ากลางคืนสำหรับผู้หญิง
    • เสื้อผ้ากลางวันสำหรับผู้ชาย เสื้อผ้ากลางคืนสำหรับผู้ชาย
    • เสื้อผ้าเด็กผู้ชายและ/หรือเสื้อผ้าเด็กผู้หญิง เสื้อผ้าวัยรุ่น
    • ชุดกีฬา/ชุดออกกำลังกาย/ชุดใส่เล่น
    • เสื้อผ้าที่ทำขึ้นด้วยการถัก
    • เสื้อผ้าสำหรับกลางแจ้ง ผจญภัย และเสื้อผ้าชั้นนอก
    • ชุดเจ้าสาว
    • เครื่องประดับ
    • เสื้อผ้าทั่วไป
    • การออกแบบเสื้อผ้าสำหรับละครเวที ภาพยนตร์ วงการโฆษณาและการค้าปลีก
  2. คิดถึงความต้องการที่แท้จริงก่อนคิดเรื่องชื่อเสียง การที่คุณดูเท่ก็เป็นเรื่องดี แต่มันไม่ได้ช่วยให้เสื้อผ้าขายตัวมันได้ ถ้าคุณคิดจะเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ คุณไม่ได้ทำเสื้อผ้าให้ตัวเองหรือคนดังใส่เท่านั้น คุณไม่สามารถหาเลี้ยงชีพจากการทำเช่นนั้นได้ เพราะว่าคนพวกนี้มีไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งหมดด้วยซ้ำ แม้ว่าคุณจะเห็นชื่อคนดังในนิตยสาร แต่ก็ให้รู้ไว้ว่ามันเป็นการโฆษณา ไม่ใช่ความจริง เพราะอะไรๆ มันไม่ได้เป็นแบบนั้น คนที่ต้องพึ่งดีไซเนอร์คือคนจริงๆ ที่มีรูปร่างไม่สมบูรณ์แบบที่อยากให้ตัวเองดูดีที่สุด การมีทัศนคติที่เย่อหยิ่งจะบดบังคุณจากการหาเงิน ทั้งที่ในความเป็นจริงคือคุณไม่ได้ออกแบบเสื้อผ้าให้ตัวเอง แต่คุณออกแบบให้คนอื่นต่างหาก
  3. มองทุกอย่างตามความเป็นจริง เช่น ในประเทศที่อากาศร้อนอย่างเมืองไทย คุณจะขายเสื้อแจ็กเก็ตสำหรับใส่สกีแทบไม่ได้เลย มองสิ่งต่างๆ รอบตัวว่าคนจริงๆ เขาต้องการและอยากได้อะไร เช่น ถ้าคุณวางแผนว่าจะออกคอลเลกชั่นใหม่ทั้งเช็ต คุณจะต้องออกแบบเสื้อมากกว่ากางเกง/กระโปรงเพราะว่าโดยทั่วไปตู้เสื้อผ้าของคนส่วนใหญ่จะมีเสื้อมากกว่ากางเกง/กระโปรง เสื้อเหมาะกับการนำมาใช้เปลี่ยนลุค ในขณะที่กางเกงขายาวพอดีตัวสวยๆ เรียบๆ สามารถเข้ากับเสื้อส่วนใหญ่ได้ คิดแบบเรียบง่ายและอยู่บนพื้นฐานของความจริง ภาพสเก็ตช์ที่อลังการงานสร้างดูสวยเมื่ออยู่บนกระดาษ แต่เสื้อและกางเกงยีนส์สวยๆ ย่อมขายออกง่ายกว่าชุดราตรี
  4. ตลาดเสื้อผ้าทั่วไปอาจฟังดูไม่เลิศเลอเท่าชุดราตรีหรือชุดหรูหรา แต่มันจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จและทำให้คุณมีเงินซื้อของเข้าบ้าน ถ้าคุณจะต้องออกแบบสไตล์ที่ต้องผลิตซ้ำมากกว่าร้อยรอบ คุณก็ต้องทำให้มันดีตั้งแต่แรก ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะการออกแบบของคุณและคุณก็จะต้องทำความเข้าใจเสื้อผ้าที่คุณกำลังจะขายเป็นอย่างดี ในขณะที่สไตล์ที่ไม่ดีจะทำให้คุณต้องย้อนกลับมาใหม่และเพิ่มต้นทุนให้กับเจ้านายอีกมาก
  5. สังเกตและจดว่าเขาใช้ผ้าอะไร ขนาดซิปที่เขาใช้ (เพื่อให้ผ้าแข็งแรงพอสำหรับการใช้งาน) คุณภาพของผ้าโดยดูจากคุณสมบัติของผ้าเช่นน้ำซึมผ่านไม่ได้ ความสบาย การระบายอากาศหรือการดูแลรักษา สีที่ขายดีในประเทศไทย การเริ่มต้นจากคุณสมบัติของคู่แข่งไม่ใช่การลอกเลียนแบบ แต่เป็นการตั้งข้อสังเกต การพิจารณาสิ่งที่ดีที่สุดของเสื้อผ้าแต่ละชิ้นและนำมาวิเคราะห์จะทำให้คุณเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้เสื้อผ้าชิ้นนั้นเป็นเสื้อผ้า "ตัวโปรด" และมันมักจะขายดีที่สุดด้วย ลูกค้าของคุณ (ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดซื้อสำหรับร้านค้าหรือคนทั่วไป) อยากได้สิ่งที่จะทำให้พวกเขาใส่แล้วดูดีก่อน ในขณะที่เสื้อผ้าแบบหรูหราใส่ปีละไม่กี่ครั้ง ถึงมันจะดูดี แต่มันไม่ได้ทำให้คุณมีรายได้ต่อเดือนมากพอที่จะมีชีวิตอยู่ได้
  6. จุดแข็งที่เด่นชัดที่สุดของคุณคืออะไร คุณอาจจะเป็นคนที่ออกแบบเครื่องประดับได้เจ๋งมากๆ หรือเป็นอัจฉริยะด้านกางเกงโยคะ ความหลงใหลและทักษะของคุณเป็นส่วนสำคัญของสมการครึ่งแรก และแน่ว่าสมการอีกครึ่งหนึ่งคือการจับคู่ความหลงใหลและทักษะเข้ากับสิ่งที่ตลาดต้องการและสิ่งที่เป็นเทรนด์อยู่ ซึ่งต้องอาศัยทั้งการโน้มน้าวตลาดและการสังเกตว่าตลาดต้องการอะไร
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 5:

พิจารณาว่าคุณพร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นแล้วหรือยัง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ประเมินทักษะและบุคลิกอย่างซื่อสัตย์ก่อนเข้าสู่อาชีพในวงการแฟชั่นดีไซน์. คุณอาจจะหลงใหลเสื้อผ้า แต่การทำงานในวงการแฟชั่นดีไซน์นั้นเสื้อผ้าเป็นแค่ส่วนหนึ่งขององค์ประกอบทั้งหมด เพราะคุณจะต้องมีทักษะการสื่อสารเป็นเลิศ เต็มใจที่จะทำงานหนักมากๆ (ส่วนใหญ่ทำตลอดเวลา) ความแข็งแกร่งของจิตใจเมื่อถูกวิจารณ์ ความสามารถในการรับมือกับความเครียด การเปิดใจรับฟังลูกค้าและ/หรือเจ้านายหลายๆ แบบ ยอมรับความเหงาและความเปล่าเปลี่ยวในบางครั้ง (แล้วแต่ว่าคุณวางแผนธุรกิจหรืออาชีพด้านการออกแบบของคุณอย่างไร) และความสามารถในการรักษาวินัยและริเริ่มสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
    • การเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์อาจเหมาะกับคุณถ้าคุณอยากจะอุทิศทั้งชีวิตให้กับอาชีพนี้ (เพราะมันเป็น "วิชาชีพ" ของคุณ) คุณโอเคกับความไม่แน่นอนหรือความไม่มั่นคง คุณยินดีที่จะยืนหยัดในสิ่งที่คุณเชื่อ คุณมีความคิดเห็นเด่นชัดของตัวเองว่าอะไรคือสิ่งสำคัญของแฟชั่น คุณรับฟังลูกค้าเป็นอย่างดี คุณรู้จักอุตสาหกรรมแฟชั่นทะลุประโปร่ง และคุณกิน นอน หายใจเข้าออกเป็นแฟชั่น
    • การเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์อาจ ไม่เหมาะ กับคุณถ้าคุณจัดการความเครียดได้ไม่ดี ไม่ชอบความไม่แน่นอนหรือความไม่มั่นคง คุณอยากมีอาชีพที่ไม่ขึ้นสูงลงต่ำมากนัก คุณอยากให้คนชื่นชมความพยายามของคุณ คุณอยากได้แนวทางเยอะๆ คุณเกลียดความไม่มั่นคงทางการเงิน และคุณมีความสนใจอื่นๆ ในชีวิตมากเกินไป
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 5:

ปูทางสู่ความสำเร็จ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การจะเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ที่ประสบความสำเร็จไม่ได้อาศัยแค่พรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังต้องมีความรู้ด้านธุรกิจและมุมมองด้านการตลาดในโลกแฟชั่นเป็นอย่างดีด้วย ติดตามข่าวสารสิ่งที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมแฟชั่นด้วยการอ่านวารสารการค้าในวงการแฟชั่นที่เป็นภาษาอังกฤษอย่าง Women’s Wear Daily และ Daily News Record ส่วนข่าวสารแฟชั่นที่เป็นภาษาไทยนั้นสามารถติดตามได้จากนิตยสารแฟชั่นหัวนอกฉบับภาษาไทยทั่วไป[2]
    • โปรแกรมสอนแฟชั่นดีไซน์หลายที่จะมีคอร์สด้านการตลาดรวมอยู่ด้วย[3] บางโปรแกรม/วิชาเอกบางที่เน้นการตลาดมากกว่าที่อื่นๆ เพราะฉะนั้นอย่าลืมหาข้อมูลเกี่ยวกับวิชาเรียนในโปรแกรมที่คุณเลือกเยอะๆ ถ้าคุณลงเรียนไปแล้วแต่ไม่ได้เรียนด้านการตลาด/การเงินในวงการแฟชั่น ให้ลงคอร์สด้านการตลาด/การเงินระยะสั้นเพิ่มเติม
    • เรียนรู้ให้มากกว่าการออกแบบ มันมีห่วงโซ่อุปทานใหญ่ๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและคุณต้องเข้าใจว่างานของแต่ละคนคืออะไร เพื่อที่คุณจะได้เห็นมุมมองของเขาในการประนีประนอม ทำตามความต้องการและเข้าใจว่าอะไรมันสะดุดตรงไหน ศึกษาว่าคนอื่นทำอะไร เช่น ผู้จัดซื้อ ผู้ค้า คนขึ้นแพตเทิร์น นักเทคโนโลยีเสื้อผ้าและผ้า ผู้ควบคุมคุณภาพ ผู้ประเมิน ผู้ควบคุมเครื่องจักรตัวอย่าง พนักงานขาย ฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด นักนิตยสารด้านแฟชั่น ผู้ค้าปลีก ฝ่ายจัดงาน สไตลิสต์ด้านแฟชั่น และอื่นๆ
    • รู้จักลูกค้า ทักษะนี้เป็นทักษะพื้นฐานและเป็นสิ่งที่แฟชั่นดีไซเนอร์ห้ามหลงลืมเด็ดขาด รู้ว่าลูกค้าใช้เงินเท่าไหร่ วิถีชีวิตเป็นอย่างไร ซื้อของที่ไหน ชอบซื้อของอย่างไร และชอบอะไรไม่ชอบอะไร รู้ว่าพวกเขาต้องการอะไรมากที่สุดและอะไรคือสิ่งที่เขาจะซื้อเมื่อรายได้สุทธิรัดตัวน้อยลง ถ้าคุณทำเรื่องการตลาด คุณก็ควรมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างไร
    • รู้จักคู่แข่ง จับตามองเสมอว่าแฟชั่นดีไซเนอร์คนอื่นๆ ในสาขาเดียวกันกับคุณเขาทำอะไรอยู่ อย่างน้อยที่สุดคือต้องสู้เขาให้ได้ แต่ถ้าจะให้ดีคือต้องก้าวไปให้ไกลกว่าเขาโดยที่ยังตอบสนองความต้องการของลูกค้าไว้ได้อยู่
    • มหกรรมจัดแสดงสินค้าเป็นที่ที่ดีคุณจะได้พัฒนาความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นทำงานอย่างไรและอะไรที่เหมาะกับคุณในแง่ของการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและการทัดเทียมคู่แข่ง
  2. การหางานตำแหน่งดีไซเนอร์ในอุตสาหกรรมมีหลากหลายวิธีและขึ้นอยู่กับว่าคุณสนใจการออกแบบประเภทไหน ในบางกรณีการเป็นคนรอบรู้ก็ช่วยคุณได้มาก เพื่อที่คุณจะได้ประสบการณ์และกระโดดไปทำตามความหลงใหลของตัวเองได้ในภายหลัง และในกรณีส่วนใหญ่คือคุณต้องอดทนและสมัครงานหลายๆ ที่เพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จในก้าวแรก สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการ ที่ที่คุณควรไปสมัครงานได้แก่
    • บริษัทและดีไซเนอร์ด้านแฟชั่นที่มีอยู่แล้ว มองหาตำแหน่งฝึกงาน ตำแหน่งที่ได้รับค่าตอบแทนระดับแรกเข้า ผู้ช่วยดีไซเนอร์ เป็นต้น
    • ตำแหน่งเสื้อผ้าของสตูดิโอภาพยนตร์ ละครเวที ร้านค้าเสื้อผ้าเพื่อการแสดง เป็นต้น
    • โฆษณาออนไลน์ผ่านตัวแทนหางานออนไลน์ต่างๆ
    • ปากต่อปาก ใช้เครือข่ายเพื่อนร่วมงานหรือคนในอุตสาหกรรมแฟชั่นพาคุณก้าวเข้าสู่ประตูแห่งวงการแฟชั่น ในอุตสาหกรรมที่ให้คุณค่ากับคำพูดของคนที่อยู่ในตำแหน่งชั้นนำอย่างวงการแฟชั่น วิธีนี้ถือเป็นวิธีเริ่มต้นที่ดี
  3. ถ้าคุณเปิดธุรกิจด้านการออกแบบเอง เตรียมตัวสร้างไหวพริบทางการเงิน. คุณอาจจะเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สุดๆ แต่เตรียมใจไว้เวลาว่าถ้าคุณสร้างแบรนด์แฟชั่นของตัวเอง คุณจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจที่ในระดับสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง คุณต้องเข้าใจตัวเลขต่างๆ และใบสั่งซื้อที่สุมอยู่บนโต๊ะของตัวเอง ถ้าคุณเกลียดงานนี้จริงๆ ก็มีตัวเลือกดีๆ อย่างเช่นการขอให้นักบัญชีเป็นคนดูแลเรื่องเงินทั้งหมด แต่มันจะมีประโยชน์กับคุณมากกว่าถ้าคุณดูแลเรื่องนี้ทั้งหมดด้วยตัวเอง และถ้าคุณเกลียดงานด้านนี้มากจริงๆ ให้มองหาตำแหน่งแฟชั่นดีไซเนอร์ในบริษัทแฟชั่นแทนที่จะเปิดแบรนด์ของตัวเอง
    • คุณจะเป็นผู้ค้าแบบไหน มีความเป็นไปได้หลายแบบให้คุณเลือก ได้แก่ กิจการเจ้าของคนเดียว หุ้นส่วน บรรษัท และอื่นๆ ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียเฉพาะตัวที่คุณควรปรึกษากับที่ปรึกษาด้านกฎหมายและการเงินก่อนลงมือทำ และคุณจะต้องมีผู้รับผิดชอบความเสียหายในทุกกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยู่ในวัฒนธรรมที่มีการฟ้องร้องเกิดขึ้นได้ง่าย
  4. คุณต้องเต็มใจที่จะปรับเปลี่ยนเพื่อให้สินค้าเหมาะกับตลาดของคุณ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณทำงานและขายสินค้าอย่างไร การตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงคือการที่คุณรู้ว่า มันไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามขายเสื้อผ้าชั้นสูงให้กับคนที่ต้องการแค่เสื้อผ้าสวมใส่ไปทำงานในย่านกึ่งเมืองกึ่งชนบท และการพยายามขายชุดบิกินี่ในภาคอีสานก็ไม่ใช่ความคิดที่ดี คุณจะต้องพิจารณาให้ดีว่าตลาดของคุณน่าจะเป็นแบบไหนมากที่สุด และค้นหาคำตอบให้ได้ว่าการใช้ชีวิตอยู่และทำงานในพื้นที่เดียวกันนั้นดีที่สุดสำหรับคุณ หรือว่าคุณจะกระขายสินค้าจากพื้นที่ที่คุณอยู่ไปยังที่ที่มันน่าจะขายได้มากที่สุดอย่างไร
    • คุณต้องคำนึงถึงอิทธิพลรอบข้างคุณด้วย ในฐานะคนที่ทำงานด้านความสร้างสรรค์ ส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างสรรค์คือการอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เหมือนกัน และริเริ่มจากไอเดียและคำแนะนำของเขาด้วย การทำงานคนเดียวหรือการทำงานกับคนที่ไม่ได้สนใจวิธีการด้านแฟชั่นของคุณย่อมเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
    • จำไว้ด้วยว่าการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลมีผลต่อการออกแบบแฟชั่น และอาจมีผลต่อประเภทของเสื้อผ้าที่คุณผลิตและสถานที่ที่คุณวางแผนจะขายสินค้าด้วย
    • พิจารณาพลังของการขายออนไลน์ ถ้าคุณใช้ภาพสามมิติคุณภาพดีที่สามารถซูมเข้าและปรับมุมได้ การขายเสื้อผ้าออนไลน์สู่ทุกมุมโลกทุกวันนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำได้จริง ซึ่งจะเพิ่มความยืดหยุ่นในเรื่องสถานที่ที่คุณจะใช้ชีวิตและออกแบบงานมากๆ แถมยังไม่ต้องเดินทางจากบ้านไปที่ทำงานเลย ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นสิ่งที่เหมาะกับคุณมากๆ หากคุณวางแผนว่าจะมีแบรนด์แฟชั่นเล็กๆ เป็นของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ควรกันเงินบางส่วนไว้สำหรับเดินทางไปชมแฟชั่นโชว์ใหญ่ๆ ด้วย
    • การอยู่ในเมืองที่อุตสาหกรรมแฟชั่นรุ่งเรืองก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลสำหรับดีไซเนอร์หลายๆ คน โดย Global Language Monitor (GLM) กล่าวว่า เมืองต่อไปนี้คือเมืองหลวงแฟชั่นชั้นนำในโลกประจำปี 2010 เรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้[4]
      • ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
      • นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
      • บาร์เซโลนา ประเทศสเปน
      • ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
      • เม็กซิโกซิตี้
      • มาดริด ประเทศสเปน
      • โรม ประเทศอิตาลี
      • เซาเปาลู ประเทศบราซิล
      • มิลาน ประเทศอิตาลี
      • ลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา
      • เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
      • มุมไบ ประเทศอินเดีย
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 5:

สร้างแฟ้มสะสมผลงานด้านแฟชั่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แฟ้มสะสมผลงานด้านการออกแบบของคุณจำเป็นอย่างมากเวลาคุณสมัครงานและตำแหน่งฝึกงานด้านการออกแบบ เพราะมันเป็นโอกาสที่คุณจะได้นำเสนอตัวเองและผลงานของคุณ แฟ้มสะสมผลงานของคุณควรแสดงผลงานที่ดีที่สุดของคุณและแสดงถึงทักษะและความคิดสร้างสรรค์ของคุณด้วย ใช้แฟ้มคุณภาพดีเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณจริงจังกับการเป็นดีไซเนอร์ และรวบรวมสิ่งเหล่านี้ไว้ในแฟ้มสะสมผลงาน
    • ภาพสเก็ตช์มือหรือภาพถ่ายของภาพสเก็ตช์มือ
    • แบบที่สร้างจากคอมพิวเตอร์
    • เรซูเม่
    • หน้าข้อมูลที่บอกอารมณ์หรือแนวคิด
    • หน้าที่นำเสนอเกี่ยวกับสีหรือผ้า
    • สิ่งอื่นๆ ที่พอจะสะท้อนว่าคุณทำอะไรได้บ้างและจะกลายไปเป็นอะไร

เคล็ดลับ

  • ใส่เสื้อผ้าที่คุณออกแบบให้ได้มากที่สุด วิธีไหนจะโปรโมตเสื้อผ้าได้ดีกว่าการที่คุณเองก็ใส่ชุดของตัวเองอีกล่ะ เวลาที่มีคนถามเรื่องเสื้อผ้า ให้เตรียมพร้อมที่จะเล่าทุกอย่างสั้นๆ เล่าด้วยถ้อยคำที่สื่อความทุกอย่างอย่างกระชับที่จะทำให้คนฟังสนใจ
  • การเพิ่มสีก็ช่วยในเรื่องของการใส่ความคิดสร้างสรรค์ในผลงานของคุณได้เหมือนกัน
  • คุณต้องรับคำดูถูกได้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ รับฟังคำแนะนำจากเพื่อนๆ และครอบครัว อย่ายอมแพ้ คุณล้มเลิกความหลงใหลของตัวเองไม่ได้หรอก!
  • ถ้าคุณคิดว่าจะเอาภาพวาดเสื้อผ้าที่คุณออกแบบไปให้คนอื่นดู ให้คิดว่าตัวคุณเองจะดูเป็นอย่างไรในภาพวาดที่คุณออกแบบมา
  • ทำโลโก้ดีๆ หากคุณจะทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง เนื่องจากโลโก้จะเป็นตัวที่บอกสไตล์ของคุณตั้งแต่แรก มันจึงต้องดูดีตั้งแต่แรก การให้กราฟิกดีไซเนอร์มืออาชีพจัดการเรื่องนี้ให้คุณก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหากคุณไม่ถนัดที่จะทำเอง
  • หัดเตรียมอาหารกลางวันและของขบเคี้ยวดีๆ ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะชั่วโมงการทำงานด้านแฟชั่นดีไซน์นั้นยาวนานและบางครั้งคุณก็อาจจะไม่สามารถปลีกตัวออกจากพื้นที่ความคิดสร้างสรรค์นั้นได้ แต่ถึงอย่างไรสมองของคุณก็ยังต้องการสารอาหารดีๆ อยู่ เพราะฉะนั้นการไม่ลืมที่จะเตรียมอาหารกลางวันและของขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพจะทำให้คุณสามารถคว้าอะไรมารับประทานเพื่อให้คุณสามารถทำงานในช่วงเวลาที่ต้องใช้สมองหนักๆ และเดินไปเดินมายาวๆ ได้โดยไม่ต้องอดอาหารจนสมองอ๊องไป
  • การฝึกงานและประสบการณ์ทำงานจริงโดยตรงในทุกแผนกภายใต้แฟชั่นดีไซเนอร์เล็กๆ หรือใหญ่ๆ จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้เทคนิคเฉพาะตัวของอุตสาหกรรมแฟชั่นก่อนที่คุณจะตั้งแบรนด์ของตัวเอง และคุณก็ต้องได้รับคำแนะนำที่ดีในทุกๆ เรื่องตั้งแต่แรกด้วย สร้างความสัมพันธ์กับทีมที่ปรึกษาด้านการเงิน กฎหมาย และการตลาดที่ไว้ใจได้ ซึ่งอาจจะเป็นเพื่อนๆ/คนในครอบครัวหรือคนที่คุณจ้างมาในช่วงที่คุณต้องการคำปรึกษาแทนที่ให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทีมงาน
  • อ่านเยอะๆ หาชีวประวัติและชีวิตจริงของตัวแม่ในวงการแฟชั่นที่คุณสนใจ เรียนรู้ประสบการณ์ของเขาให้ทะลุปรุโปรง และดูว่าคุณจะสามารถนำประสบการณ์ของพวกเขามาสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีกว่าของตัวเองได้อย่างไร เช่น ถ้าคุณอยากเปลี่ยนไปทำงานสายแฟชั่นเพื่อสิ่งแวดล้อม ก็มีดีไซเนอร์ผู้บุกเบิกเจ๋งๆ มากมายที่มีคนเอาประสบการณ์ของเขาไปทำเป็นหนังสือ เช่น หนังสือ “Start Something That Matters” ของ Blake Mycoskie ผู้ก่อตั้ง Toms หรือหนังสือเล่มไหนก็ได้ของ Anita Roddick ที่มีประเด็นที่สัมพันธ์แต่ก็ยังเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมความงามด้วย (ยังไม่มีแปลเป็นภาษาไทย)
  • ออกแบบตลอดเวลาเพื่อหาแรงบันดาลใจเพิ่มเติมและแสดงพัฒนาการของตัวเอง วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ว่าจ้างในอนาคตเห็นว่าคุณได้เรียนรู้และมีพัฒนาการอย่างไรบ้าง
  • สนใจแต่ตัวเอง ไม่ต้องอิจฉาใคร แต่ควรรับฟังคำแนะนำจากเขา
  • ทำสิ่งที่คุณทำได้ อย่าทำสิ่งที่คนอื่นทำ ฟังเสียงหัวใจตัวเอง
  • เขียนคำวิจารณ์ที่คุณได้รับเพื่อที่คุณจะได้นำไปพิจารณาและออกแบบผลงานที่ดีขึ้นในอนาคต
โฆษณา

คำเตือน

  • การทำงานเป็นดีไซเนอร์เป็นอาชีพที่ต้องการความถึกทางร่างกายสูงมาก คุณจะต้องเต็มใจทำงานยาวๆ เพื่อทำงานให้เสร็จตามกำหนด
  • การออกแบบผลงานเพื่อจัดแสดงบนแคตวอล์กและแฟชั่นชั้นสูงจะทำให้คุณต้องข้องเกี่ยวกับด้านที่ท้าทายของอุตสาหกรรมนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้นางแบบที่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาแสดงผลงานให้คุณ (ซึ่งก็อาจทำให้คุณต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการแสดงภาพผู้หญิงและผู้ชายที่ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนัก) คำพูดกระแนะกระแหนของดีไซเนอร์ร่วมวงการและชนชั้นสูงในอุตสาหกรรมแฟชั่น และเงื่อนไขในการทำงานที่ยากมากๆ อย่างกำหนดส่งงานที่กระชั้นชิด ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่กล้าแสดงจุดยืนของตัวเองอยู่แล้ว คุณก็ควรหาเวลาพัฒนาทักษะการสื่อสารและยืนหยัดต่อหลักการของคุณ
  • วงการแฟชั่นเป็นวงการที่มีการแข่งขันสูงมาก เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรเข้าสู่อาชีพนี้หากคุณไม่ได้อุทิศตนให้วงการนี้ 100 เปอร์เซ็นต์ และคุณก็ควรฝึกรับมือกับคำวิจารณ์ให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และเรียนรู้ที่จะแยกแยะคำวิจารณ์ เพราะคำวิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นแค่องุ่นเปรี้ยง และถ้าคุณเชื่อมั่นในตัวเอง คุณจะรู้ว่าคำวิจารณ์นั้นชี้จุดบกพร่องของคุณจริงๆ หรือเป็นแค่การพูดให้ร้ายทั่วไป
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างดีๆ ในการลางานอย่างกะทันหันลางานแบบเนียนๆ ให้เจ้านายจับไม่ได้ด้วย 20 ข้ออ้างลางานกะทันหันที่ทำให้การลางานน่าเชื่อถือ
ส่งข้อความลาป่วยหาหัวหน้าอย่างไรให้ดูเป็นมืออาชีพส่งข้อความลาป่วยหาหัวหน้าอย่างไรให้ดูเป็นมืออาชีพ
บอกลาเพื่อนร่วมงานบอกลาเพื่อนร่วมงาน
เขียนอีเมลติดตามผลการสมัครงานเขียนอีเมลติดตามผลการสมัครงาน
หาสปอนเซอร์หาสปอนเซอร์
เป็นดาราหนังโป๊เป็นดาราหนังโป๊
จัดงานเลี้ยงอำลาจัดงานเลี้ยงอำลา
ลาออกอย่างสง่างามลาออกอย่างสง่างาม
ส่งมอบงานต่อส่งมอบงานต่อ
เขียนจดหมายธุรกิจถึงลูกค้าเขียนจดหมายธุรกิจถึงลูกค้า
เขียนแผนกลยุทธ์สำหรับองค์กรเขียนแผนกลยุทธ์สำหรับองค์กร
เขียนแบบประเมินตนเองเขียนแบบประเมินตนเอง
เขียนหนังสือรับรองการทำงานเขียนหนังสือรับรองการทำงาน
โทรลาป่วย เมื่อคุณต้องการวันหยุดสักวันโทรลาป่วย เมื่อคุณต้องการวันหยุดสักวัน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

ทีมงานวิกิฮาว
ร่วมเขียน โดย:
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา

ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 26,415 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 26,415 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา