ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการเข้าโฟลเดอร์ ZIP ได้โดยที่ไม่รู้รหัสผ่าน วิธีเดียวที่ทำได้คือดาวน์โหลดโปรแกรม crack รหัสผ่านมาใช้ แต่บอกเลยว่าต้องใช้เวลาเป็นวันๆ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เตรียมตัวก่อนลบรหัสผ่าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณต้องดาวน์โหลดโปรแกรมเดารหัสผ่านของโฟลเดอร์ ZIP มาใช้ แต่ก่อนหน้านั้นก็ต้องยอมรับความเสี่ยงว่าคอมอาจโดนไวรัสได้ ต้องแน่ใจว่าท่องเน็ตอย่างปลอดภัย รวมถึงติดตั้งโปรแกรม antivirus ก่อนเลย
    • เวอร์ชั่นทดลองใช้ (free trial) ส่วนใหญ่จะ crack ได้เฉพาะรหัสผ่านสั้นๆ ถ้ามีโปรแกรมอื่นที่เราไม่ได้พูดถึง อ้างว่า crack รหัสผ่านได้ฟรีแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง ก็อย่าไปดาวน์โหลด เพราะเสี่ยงจะเป็นมัลแวร์
  2. โปรแกรม crack รหัสผ่านส่วนใหญ่ ขนาดเป็นรหัสผ่านง่ายๆ ก็ยังต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เพราะงั้นเตรียมใจไว้เลย ว่าต้องรอหลายวันกว่าจะเสร็จขั้นตอน
    • ไม่มีทางเดารหัสผ่านได้ในไม่กี่นาทีแน่นอน ถ้าโปรแกรมหรือเว็บไหนอ้างว่าทำได้ เป็นไปได้มากว่าจะเป็นมัลแวร์[1]
  3. เดี๋ยวเราต้องใช้ความเร็ว CPU ทั้งหมด เพราะงั้นให้ปิดโปรแกรมหนักเครื่องไปก่อน เช่น Photoshop, เกม, audio และ video players ไปจนถึงโปรแกรมอื่นๆ
    • ถึงจะได้ความเร็ว CPU ทั้งหมดมาใช้ crack รหัสผ่านของโฟลเดอร์ ZIP แต่บางทีก็ยังต้องใช้เวลาหลายวัน
  4. หน้า desktop นี่แหละหาง่ายสุดในคอม เพราะงั้นให้ลากโฟลเดอร์ ZIP มาหย่อนไว้ที่หน้า desktop แล้วค่อยลอง crack รหัสผ่าน
    • หรือ copy/paste โฟลเดอร์ ZIP โดยเลือกโฟลเดอร์ กด Ctrl+C (Windows) หรือ Command+C (Mac) ไปที่หน้า desktop แล้วกด Ctrl+V หรือ Command+V
    • ถ้าโฟลเดอร์ ZIP อยู่ในอุปกรณ์พกพา เช่น สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ให้ย้ายโฟลเดอร์มาไว้ในคอมก่อน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ใช้ John the Ripper

ดาวน์โหลดบทความ
  1. John the Ripper เป็นโปรแกรมฟรีแบบ command line (ต้องป้อนคำสั่ง) ใช้ crack รหัสผ่านได้ แต่ถึงฟรีก็มีข้อเสียคือติดตั้งและใช้งานยากอยู่สักหน่อย
  2. พิมพ์ http://www.openwall.com/john/ ในเบราว์เซอร์ของคอม แล้วคลิกลิงค์ John the Ripper 1.8.0-jumbo-1 (Windows binaries, ZIP, 34 MB) ในหัวข้อ "community enhanced version" ท้ายหน้า
  3. ดับเบิลคลิกโฟลเดอร์ ZIP ที่ดาวน์โหลดมา คลิก tab Extract คลิก Extract all คลิก Extract แล้วรอให้หน้าต่างใหม่เปิดขึ้นมา
  4. คุณติดตั้ง John the Ripper แบบโปรแกรมทั่วไปไม่ได้ แต่ติดตั้งลงหน้า desktop ได้ โดยย้ายโฟลเดอร์มาไว้ที่หน้านั้น แล้วเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์เป็น "john"
    • ในหน้าต่างที่แตก (extract) แล้วและเปิดอยู่ ให้คลิกโฟลเดอร์ "john180j1w"
    • กด Ctrl+C
    • เปิด desktop แล้วกด Ctrl+V
    • คลิกขวาที่โฟลเดอร์ แล้วคลิก Rename
    • พิมพ์ john แล้วกด Enter
  5. copy โฟลเดอร์โดยคลิกแล้วกด Ctrl+C จากนั้นเปิดโฟลเดอร์ "john" เปิดโฟลเดอร์ "run" คลิกที่ว่าง แล้วกด Ctrl+V
  6. พิมพ์ cd desktop/john/run แล้วกด Enter
  7. พิมพ์ zip2john.exe name.zip > name.hash (อย่าลืมเปลี่ยน "name" เป็นชื่อโฟลเดอร์ ZIP ของคุณ) แล้วกด Enter
    • เช่น ถ้าโฟลเดอร์ ZIP ชื่อ "hello" ก็ให้พิมพ์ zip2john.exe hello.zip > hello.hash ตรงนี้
  8. พิมพ์ name.hash (ตรง "name" คือชื่อไฟล์ hash ของคุณ) แล้วกด Enter เท่านี้ก็พร้อม crack รหัสผ่านกันแล้ว
  9. พิมพ์ john.exe --pot=name.pot --wordlist=john/run/password.lst name.hash แล้วกด Enter John the Ripper จะเริ่มเทียบรหัสผ่านของโฟลเดอร์ ZIP กับฐานข้อมูลรหัสผ่านของโปรแกรม[2]
    • ต้องเปลี่ยน "name" ทั้งของ "name.pot" และ "name.hash" เป็นชื่อโฟลเดอร์ ZIP ของคุณ
    • ไฟล์ "password.lst" จะมีรายชื่อรหัสผ่านและการเรียงสับเปลี่ยน (permutations) รหัสผ่านอยู่
  10. พอรู้รหัสผ่านแล้ว จะขึ้นว่า "Session complete" ที่ด้านล่างของ Command Prompt ตอนนี้ให้พิมพ์ type name.pot (อย่าลืมเปลี่ยน "name" เป็นชื่อโฟลเดอร์ของคุณ) แล้วกด Enter เพื่อดูรหัสผ่านของโฟลเดอร์ ZIP
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ใช้โปรแกรมแบบเสียเงิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โปรแกรม crack รหัสผ่านแบบ professional หรือแบบเสียเงินส่วนใหญ่ จะใช้ crack รหัสผ่านของไฟล์ได้ ถ้าไม่เกินจำนวนอักขระที่กำหนด แต่จะ crack รหัสผ่านของไฟล์ส่วนใหญ่ได้ ก็ต้องเสียเงินซื้อโปรแกรมซะก่อน
    • ข้อดีของการใช้โปรแกรมพวกนี้ คือเป็นโปรแกรมแบบ user-friendly ใช้ง่ายน่าดู
  2. โปรแกรม crack รหัสผ่านที่คุณมองหา ควรจะมีเวอร์ชั่นทดลองใช้ฟรี (free trial) และมีวิธีหารหัสผ่านแบบ brute-force attack
  3. ดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรม crack รหัสผ่านแบบโปร (เสียเงิน). ต่อไปนี้คือโปรแกรมแนะนำ ถ้าอยากใช้ให้ได้ผล ก็ต้องเสียเงินซื้อซะก่อน[3]
  4. พอติดตั้งโปรแกรม crack รหัสผ่านแล้ว ให้เปิดขึ้นมาโดยคลิกหรือดับเบิลคลิกไอคอนของโปรแกรม
  5. ปกติคือคลิก Browse, Open หรือ Add ในโปรแกรม เลือกโฟลเดอร์ ZIP ที่จะ crack แล้วคลิก Open หรือ Choose
    • โปรแกรม crack รหัสผ่านบางโปรแกรมจะมีให้คลิกแล้วลากโฟลเดอร์ ZIP มาใส่ในหน้าต่างของโปรแกรมได้เลย
  6. ส่วนใหญ่ต้องเลือก Brute force แต่จะเลือก Dictionary (หรืออะไรที่ใกล้เคียง) ก็ได้ เพื่อเช็ครายการคำที่เหมือนกับที่คุณป้อนข้อมูลไป
    • ให้เลือก Dictionary ถ้าคุณรู้บางส่วนของรหัสผ่าน หรือวลีที่คุณใช้ (แต่ไม่รู้ว่าเป็นตัวพิมพ์ใหญ่หรืออักขระไหน)
  7. คลิกปุ่ม Start หรือ Run ในโปรแกรม แล้วรอจน crack รหัสผ่านเสร็จ อย่างที่บอกไปก่อนหน้า ว่าเป็นขั้นตอนที่บางทีก็นานหลายวันกว่าจะเสร็จ
  8. พอ crack รหัสผ่านได้แล้ว จะมีแจ้งเตือนขึ้นมาในโปรแกรม คุณก็ใช้รหัสผ่านที่ crack ได้ เปิดโฟลเดอร์ ZIP ได้เลย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • โปรแกรม crack รหัสผ่านได้ 2 - 3 วิธี ถ้าอยากให้เห็นผลดีที่สุด ต้องลองใช้ทุกอัน เช่น
    • Dictionary attack: ทดสอบใช้คำในรายการ ถ้าได้ผลจะเร็วกว่าวิธีอื่นเยอะเลย แต่ก็เสี่ยงล้มเหลวมากกว่า เพราะไม่ใช่ทุกรหัสผ่านจะเข้าข่ายนี้
    • Brute force attack: เดาทุกรหัสผ่านที่น่าจะเป็น จะเห็นผลเฉพาะรหัสผ่านสั้นๆ และ/หรือในคอมที่ CPU เร็วๆ
    • Brute force with mask: ถ้าพอจำบางส่วนของรหัสผ่านได้ ก็ต้องใส่ในโปรแกรมก่อนเริ่ม brute force เช่น ลองใช้เฉพาะรหัสผ่านที่เป็นตัวอักษร ไม่ใช่ตัวเลข
  • อาจจะต้องทิ้งคอมให้ crack รหัสผ่านไปอย่างเดียวหลายวัน กว่าจะสำเร็จ
โฆษณา

คำเตือน

  • copy หรือดาวน์โหลดโปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์มาใช้แบบไม่เสียเงิน หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ถือว่าผิดกฎหมายเต็มๆ
  • โปรแกรม crack รหัสผ่านจะใช้ได้ถูกต้องดี ก็คือเมื่อ crack รหัสผ่าน (ที่ลืมไป) ของไฟล์ตัวเองเท่านั้น
  • อันนี้แล้วแต่ว่า CPU คุณแรงแค่ไหน แต่ส่วนใหญ่ brute force attack ต้องใช้เวลานานมาก บางทีคอมอาจจะค้างไปเลย เพราะ crack รหัสผ่านนานจน CPU ทำงานหนักเกินไป
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

ป้องกันโฟลเดอร์ด้วยพาสเวิร์ดป้องกันโฟลเดอร์ด้วยพาสเวิร์ด
รู้เมื่อมีคนแอบใช้งานคอมของคุณแบบ Remote Accessรู้เมื่อมีคนแอบใช้งานคอมของคุณแบบ Remote Access
บล็อกโปรแกรมด้วย Windows Firewallบล็อกโปรแกรมด้วย Windows Firewall
กู้ไฟล์ที่ถูกลบจากคอมพิวเตอร์กู้ไฟล์ที่ถูกลบจากคอมพิวเตอร์
ตั้งชื่อยูสเซอร์เนมให้เป็นเอกลักษณ์ตั้งชื่อยูสเซอร์เนมให้เป็นเอกลักษณ์
แฮกเว็บไซต์แฮกเว็บไซต์
เป็นแฮกเกอร์เป็นแฮกเกอร์
แฮก Wi Fi แบบ WPA/WPA2 ด้วย Kali Linuxแฮก Wi Fi แบบ WPA/WPA2 ด้วย Kali Linux
เดารหัสผ่านเดารหัสผ่าน
จัดหน้าให้ข้อความอยู่ตรงกลางใน HTMLจัดหน้าให้ข้อความอยู่ตรงกลางใน HTML
ปิดการใช้งาน McAfeeปิดการใช้งาน McAfee
สร้างไวรัสสร้างไวรัส
เช็คความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เช็คความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
ปิด Norton Antivirusปิด Norton Antivirus
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

ทีมงานวิกิฮาว
ร่วมเขียน โดย:
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา

ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 25,035 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 25,035 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา